|
|
|
|
|
หน้าแรก-กลุ่มสินค้า-สัตว์เลี้ยง & ต้นไม้-สวน & ต้นไม้-ต้นไม้- | ||
มีพันธุ์ฟักข้าวจำหน่ายราคาถูก สนใจโทรมาสอบถามได้ที่ 081 - 2036276 | ||
ฟักข้าว อยู่ในวงศ์แตงกวาและมะระ ชาวปัตตานีเรียกขี้กาเครือ ภาคเหนือเช่นตากเรียกผักข้าว จังหวัดแพร่เรียกมะข้าว และที่ประเทศเวียดนามเรียกว่า แก็ก ฟักข้าวมีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน พม่า ไทย ลาว บังกลาเทศ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ เป็นพืชที่ชาวเวียดนามใช้ประกอบอาหารมาก ในชนบทมีปลูกกันเกือบทุกบ้าน โดยปลูกพาดพันไม้ระแนงข้างบ้าน และเก็บเฉพาะผลสุกมาประกอบอาหารแต่เนื่องจากฟักข้าวให้ผลดีที่สุดในช่วงฤดูหนาว ชาวเวียดนามจึงใช้ประกอบอาหารในเทศกาลปีใหม่และงานมงคลสมรสเท่านั้น ผลฟักข้าวมีเปลือกหนา ผลสุกเนื้อในหนามีสีส้มภายในมีเยื่อสีแดงให้เมล็ดเกาะ เนื้อผลสุกกินได้ ที่ประเทศเวียดนามใช้เยื่อสีแดงและเมล็ด ซึ่งมีน้ำมันเป็นยา ฟักข้าว 1 ผลจะได้เยื่อสีแดงราว 200 กรัม เป็นพืชโตเร็ว ไม่ต้องการการดูแลเอาใจใส่มากมาย แต่หากต้องการปลูกเป็นพืชสวนครัวคงต้องเตรียมพื้นที่มากหน่อย เพราะทั้งเถาและใบมีขนาดค่อนข้างใหญ่ หากมีพื้นที่มากพอที่จะปลูกก็เพียงหากิ่งแก่ หรือจะเพาะเมล็ดก็ย่อมได้ รดน้ำให้ชุ่มชื้นสักพัก เมื่อออก รากจึงย้ายลงปลูกในที่ที่เตรียมไว้ ค้างสำหรับฟักข้าวควรจะเป็นค้างที่มีขนาดใหญ่นิดหนึ่ง รศ.ดร.สุธาทิพย์ ภมรประวัติ ได้ เรียบเรียงไว้ในเอกสารวิชาการทางการแพทย์เกี่ยวกับคุณประโยชน์ของฟักข้าวไว้ว่า ในประเทศไทยใช้ผลฟักข้าวอ่อนสีเขียวเป็นอาหาร ซึ่งรสชาติเนื้อฟักข้าวเหมือนมะละกอ ลวกหรือต้มให้สุกหรือต้มกะทิจิ้มน้ำพริกกะปิ หรือใส่แกง ยอดอ่อน ใบอ่อนนำมาเป็นผักได้ นำมานึ่งหรือลวกให้สุกกินกับน้ำพริก หรือนำไปปรุงเป็นแกง เช่น แกงแค ประเทศเวียดนามกินข้าวเหนียวหุงกับเยื่อเมล็ดผลฟักข้าวสุก เนื่องจากชาวเวียดนามเชื่อว่าสีขาวเป็นสีแห่งความตาย ข้าวสีส้มแดงจึงจัดเป็นมงคลต่องานเทศกาลต่าง ๆ ชาวเวียดนามเอาเยื่อสีแดงจากผลฟักข้าวสุกพร้อมเมล็ดมาหุงกับข้าวเหนียว ได้ข้าวสีส้มแดงมีกลิ่นหอม ต้องมีเมล็ดฟักข้าวติดมาในข้าวด้วย จึงถือว่าเป็นของแท้ เยื่อเมล็ดของฟักข้าวมีปริมาณเบตาแคโรทีนมากกว่าแครอท 10 เท่า มีไลโคพีนมากกว่ามะเขือเทศ 12 เท่า และมีกรดไขมันขนาดยาวประมาณร้อยละ 10 ของมวล การกินเบตาแคโรทีนจากฟักข้าวพบว่าดูดซึมในร่างกาย ได้ดีเพราะละลายได้ในกรดไขมันดังกล่าว งานวิจัยในประเทศเวียดนาม ปัจจุบันมีผู้นำเยื่อเมล็ดนี้เป็นเครื่องดื่มอาหารเสริมจำหน่ายในต่างประเทศ ประเทศจีนใช้เมล็ดแก่ของฟักข้าวเป็นยามานาน กว่า 1,200 ปี ใช้บำบัดอาการอักเสบบวม กลากเกลื้อน ฝี อาการฟกช้ำ ริดสีดวง แก้ท้องเสีย อาการผื่นคันและโรคผิวหนังติดเชื้อต่าง ๆ ทั้งในมนุษย์และสัตว์ต่าง ๆ การกินฟักข้าวเป็นยานั้น ใช้เมล็ดแก่บดแห้ง ส่วนการใช้ภายนอก ให้นำเมล็ดฟักข้าวบดแห้งผสมน้ำมัน หรือน้ำส้มสายชูเล็กน้อยทาบริเวณที่มีอาการและใช้เยื่อเมล็ดแทนสีผสมอาหาร งานวิจัยในประเทศจีนพบว่าโปรตีนจากเมล็ดมีความสามารถต้านอนุมูลอิสระและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ตับในหลอดทดลอง เชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของฤทธิ์ทางชีวภาพของเมล็ดฟักข้าว ถือว่าลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระ จึงมีฤทธิ์ป้องกันมะเร็ง นอกจากนี้ เมล็ดฟักข้าวเป็นส่วนผสมของยาแก้ปวดกล้ามเนื้อและคลาย กล้ามเนื้อในเครื่องยาจีนหลายตำรับ ประเทศเวียดนาม การวิจัยทางคลินิกที่มหาวิทยาลัยฮานอย พบว่าน้ำมันจากเยื่อเมล็ดฟักข้าวมีประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งตับ ในประเทศไทย มีงานวิจัยของ มหาวิทยาลัยมหิดลเกี่ยวกับสรรพคุณของเมล็ดฟักข้าว พบโปรตีน ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญ ของเชื้อเอชไอวี-เอดส์ และยับยั้งเซลล์มะเร็ง จดสิทธิบัตรในประเทศไทยแล้ว ส่วนงานวิจัย อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และต่างประเทศพบว่า เมล็ดแก่ของฟักข้าวมีโปรตีน มอร์มอโคลซิน-เอส และโคลซินิน-บี มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของไรโบโซมซึ่งเป็นแหล่งผลิตกรด อะมิโน และต้านการเจริญของเซลล์มะเร็งหลายชนิดในหลอดทดลอง ซึ่งอาจนำไปใช้พัฒนาเภสัชภัณฑ์ได้ในวันข้างหน้า ที่ประเทศญี่ปุ่น ทำการวิจัยพบว่า โปรตีนจากสารสกัดน้ำของผลฟักข้าวยับยั้งการเจริญของก้อนมะเร็งลำไส้ใหญ่ในหนูทดลอง โดยลดการแผ่ขยายของหลอดเลือดรอบก้อนมะเร็ง และชะลอการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งดังกล่าว ในห้องทดลองน้ำสกัดผลฟักข้าวยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งตับและมะเร็งลำไส้ใหญ่โดยการทำให้เซลล์แตกตาย ผลอ่อนฟักข้าวกินได้ ผลแก่ก็อุดมคุณค่า ลองหาพันธุ์มาปลูกให้เลื้อยเล่นหน้าบ้านจะได้กินเมื่อใจปรารถนา เป็นการสร้างสุขภาพป้องกันโรคร้ายได้อย่างดี ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 6 มิถุนายน 2551 http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=166175&NewsType=1&Template |
|
|
|
|
||||||||||||||||||||||
|